เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (5) เที่ยวเกียวโตด้วยตัวเอง ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ เสาโทริอิหมื่นต้น วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ ย่านกิออน

แวะอ่านตอนที่ (4) ที่นี่จ้า >> เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (4) เที่ยวฮิโรชิม่า เกาะมิยาจิม่า ศาลเจ้าลอยน้ำ เมืองเก่าคุราชิกิ

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

วันที่ 4 แห่งการท่องเที่ยวญี่ปุ่น วันนี้เรามาตะลุยตามรอยวัฒนธรรมญี่ปุ่นกันที่ เมืองหลวงเก่า เกียวโต เช้านี้เริ่มกันที่ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ Fushimi Inari Shrine หรือศาลเจ้าโทริอิหมื่นต้น (ออกจาก Shin-Osaka ด้วย JR Tokaido-San-Yo Line Special Rapid มาลงที่สถานี Kyoto ใช้เวลาประมาณ 25 นาที จากนั้นนั่ง JR Nara Line ลงที่สถานี Inari ใช้เวลาประมาณ 5 นาที สถานีอยู่ตรงข้ามกับศาลเจ้าพอดี เดินทางไม่ยากเลยจ้า ^^ )

เช้านี้ฝนตกหนักแต่เช้า พอถึงศาลเจ้าแล้วก็ยังตกอยู่ แต่ยังไงซะก็คงจะเที่ยวได้ไม่มีปัญหา เตรียมเสื้อกันฝน ร่ม ถุงพลาสติก มาอย่างดี ฝากของที่ล๊อกเกอร์กันแล้วก็ลุยเลย….

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมสายฝนตกลงมาตลอดเวลา จนชุ่มชื้นไปทั้งตัว แอบคิดไปเองว่าเทพเจ้าคงอยากให้ชำระทั้งร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆกัน จึงบันดาลให้สายฝนตกลงมาไม่ขาดสายแบบนี้ ^^

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

ซากุระ ยังไม่บานเลย

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

เริ่มเข้าสู่เส้นทางแห่งโทริอิหมื่นต้น รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 4 กิโลเมตร

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

เดินตามทางเสาโทริอินี้ไปเรื่อยๆ แม้ฝนจะตก แต่ก็บรรยากาศดีไปอีกแบบ สวยไปอีกแบบ เสาโทริอิเหล่านี้เป็นเสาที่ได้รับมาจากผู้ที่เคยมาอธิษฐานไว้ที่ศาลเจ้านี้ เมื่อสิ่งที่ขอได้ดังใจหวัง ก็จะนำเสาโทริอินี้มาถวายที่ศาลเจ้าเป็นเหมือนของแก้บน ทำนองนั้น

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

ทางเดินมีสองทางคู่ขนาน เดินมาจากทางไหนก็ได้ สุดท้ายปลายทางก็เหมือนกัน ^^

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

ที่ศาลเจ้าแห่งนี้มีสุนัขจิ้งจอกเป็นสัญลักษณ์ โดยมีความเชื่อว่า สุนัขจิ้งจอกเป็นผู้รับสาส์นจากเทพเจ้า

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

มาที่นี่เจอแต่เสา ส้มๆ แดงๆ เยอะแยะมากมาย

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

 เดินตามทางเสาโทริอินี้มาเรื่อยๆ

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

ตลอดระยะสองข้างทางที่เดินผ่านมา จะมีลักษณะเป็นทางเดินขึ้นเขาบ้าง ลงเขาบ้าง มีป่า พรรณไม้เขียวชอุ่มตลอดสองข้างทาง

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

ฝนยังคงตกอยู่ตลอด อย่างต่อเนื่อง

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

เดินมาเรื่อยๆ เจอลูกไม้อะไรไม่รู้ สีแดงมากๆ โดดเด่นอยู่ท่ามกลางต้นไม้เขียวๆ เสียดายถ่ายมาไม่ชัด พวกเราเดินมาถึงแค่จุดนี้ ก็เดินกลับทางเดิมกัน ไม่ได้เดินต่อไปจนสุด เพราะเกรงว่าจะหิวข้าวซะก่อน และไม่ทันเวลาเที่ยวที่อื่นๆ

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

ระหว่างทางเดินกลับ เราเหลือบไปเห็นซากุระต้นหนึ่ง อยู่ในช่วงกำลังบาน ท่ามกลางสายฝน อยู่ญี่ปุ่นมา 4 วัน เพิ่งจะเจอต้นนี้แหละที่บานมากที่สุด พวกเราจึงออกนอกเส้นทางเดิน แยกออกไปชมซากุระต้นนี้กัน

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

แม้ฝนจะตก ก็ไม่กลัวกล้องเปียก ขอเก็บภาพ เอาไว้ชื่นชมให้สมใจอยากสักหน่อย

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

ชื่นชมเจ้าซากุระต้นนี้สักพักใหญ่ ก็ต้องบอกลาแล้ว เดี๋ยวเราจะไปทานข้าวหน้าปลาไหลอันแสนโด่งดัง ได้ข้อมูลร้านนี้จากการเสิชอินเทอร์เน็ตตอนอยู่เมืองไทย เห็นแล้วน่าลองชะมัด ไม่รอช้า ออกจากศาลเจ้าแล้ว เดินไปตามลายแทงที่ได้มาทันที

ข้าวหน้าปลาไหล เกียวโต

จากลายแทงระบุไว้ว่า เดินออกจากศาลเจ้าเลี้ยวขวา เดินไปตามถนน เจอสี่แยกแรกเลี้ยวซ้าย ร้านอยู่ทางซ้ายมือ ป้ายสีน้ำตาล และแล้วก็มาถึง ไม่ไกลเลย และสังเกตได้ง่าย เพราะจะมีคุณผู้ชายหล่อๆ ตัวใหญ่ๆ มายืนทำข้าวหน้าปลาไหลอยู่ที่หน้าร้าน

ข้าวหน้าปลาไหล เกียวโต

ปลาไหลชิ้นใหญ่มั่กๆ

ข้าวหน้าปลาไหล เกียวโต

ข้าวหน้าปลาไหล เกียวโต

ภายในร้านไม่ใหญ่โตมากนัก มีที่นั่งทั้งแบบนั่งพื้นและแบบนั่งเก้าอี้

ข้าวหน้าปลาไหล เกียวโต

เจ้าของร้านเชิญพวกเรามานั่งที่ตรงนี้ โต๊ะแบบนั่งเก้าอี้

ข้าวหน้าปลาไหล เกียวโต

ที่นี่จะขายเป็นเซตข้าวหน้าปลาไหลและอุด้ง นอกจากข้าวหน้าปลาไหลแล้วก็ยังมีข้าวหน้าปลาดิบอื่นๆด้วย แต่เราขอลองข้าวหน้าปลาไหลก่อนเลย ปกติเราไม่ทานปลาไหล เพราะเคยทานที่ไทยแล้วรู้สึกว่าเฉยๆ ไม่ได้อร่อยมาก ก็เลยไม่ทานอีก แต่ลายแทงบอกว่าที่นี่โด่งดังเรื่องข้าวหน้าปลาไหล มาแล้วไม่ลอง คงเสียดายแย่เลย ^^

ข้าวหน้าปลาไหล เกียวโต

ข้าวหน้าปลาไหล เกียวโต

พอได้ลองทานข้าวหน้าปลาไหลที่นี่แล้ว รสชาติดีสมกับคำร่ำลือจริงๆ ถึงขนาดเดอะแกงค์เราต้องเบิ้ลมาอีกเซต เพราะไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้กลับมากินอีกเมื่อไร ไหนๆแล้วก็เบิ้ลไปให้หายอยากซะเลย ก่อนออกจากร้านพวกเราก็เอ่ยปากชม ฝีมือของพ่อครัว อร่อยมากๆ จริงๆ เราล่ะปลื๊มมมปลื้ม ^^

Kyoto Bus

หลังจากทานข้าวหน้าปลาไหลสุดอร่อยเสร็จแล้ว ออกจาก JR Inari มาลงที่ Kyoto เพื่อมาซื้อ Kyoto- City Bus All-day Pass เนื่องจากเมื่อเช้ามาเร็วไปหน่อย Tourist Information ยังไม่เปิด เลยไม่ได้ซื้อพาสไป พาสนี้ราคา 500 เยน เป็นตั๋วสำหรับขึ้นรถเมล์เที่ยวเกียวโตกี่รอบก็ได้ ไม่จำกัดภายใน 1 วัน ปกติการขึ้นรถเมล์ในเกียวโตราคาจะเริ่มที่ 120 เยน ถ้าได้ขึ้นเพียงแค่ 3 ครั้ง ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว

ซื้อพาสเสร็จแล้ว เดินมารอรถเมล์ที่ป้าย D1 ตรงนี้ เพื่อรอรถเมล์ไปวัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ ( สายรถเมล์ที่ผ่าน  100, 202, 206, 207 )

Kyoto Bus

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ

ออกจากสถานีเกียวโตนั่งรถเมล์มาลงที่ป้าย Gojozaga เป็นป้ายอยู่ใกล้ๆ แยกใหญ่ ข้ามถนนไปก็จะเจอทางเดินเข้าวัดน้ำใสแล้ว

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ

ข้ามถนนมาเจอป้ายบอกทาง เดินไปตามป้ายอีก 670 เมตร เป็นทางเดินขึ้นเนิน เฮือก!!

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระวั

มาถึงบันไดทางขึ้นวัด เจอต้นซากุระบานต้อนรับอยู่ที่หน้าบันได เป็นที่สนใจของทุกๆ คนรวมถึงเราด้วย บานกว่าต้นที่ศาลเจ้าอีกง่ะ ตื่นเต้น ถ่ายรูปใหญ่เลย

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ

ขึ้นบันไดที่หน้าวัด มองหันกลับมาจะเจอวิวนี้ เมฆฝนปกคลุมหนามากๆ ตอนนี้ฝนลงปรอยๆ ใกล้จะงานเข้าอีกแล้วสินะ

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ

ผู้คน นักท่องเที่ยวมากมายเลย เดินขึ้นไปที่ประตูวัดได้ไม่ทันไร ฝนก็เทลงมาอย่างหนัก คนที่อยู่บริเวณนั้นก็กรูไปหลบฝนกันที่ใต้ประตูวัดสีแดงๆ ในรูป ยืนกันอย่างเบียดเสียด แต่ละคนพยายามใช้พื้นที่ให้น้อยที่สุด ฝนยิ่งตกหนักเรื่อยๆ ไม่มีท่าทางจะหยุด ตกหนักยังกับเป็นวันสิ้นโลกในหนังเลย 555

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ

รออยู่นานฝนก็ไม่มีท่าทางจะหยุด เลยตัดสินใจเอากล้องใส่ถุงพลาสติก กางร่มวิ่งฝ่าฝนเข้าไปในตัววัดเลย แล้วเอาเจ้าคอมแพคตัวเล็ก สะเทินน้ำ สะเทินบกออกมาทำหน้าที่เก็บภาพแทน

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ

คนในวัดก็ต้องหลบฝนไปตามๆกัน

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ

เลยอดไปโพสท่าถ่ายรูปที่ระเบียงวัดเลย

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ

ฝนตกไม่หยุด แต่ก็สามารถพอที่จะกางร่มเดินชมบริเวณวัดได้

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ

แม้ฝนตก ก็ยังดูสวย ถ้าซากุระบ้านทั้งหมด คงงดงามมากๆ

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ

กางร่มเดินลงมาเที่ยวทางด้านล่าง ไปหาแหล่งน้ำศักดิ์สิทธฺ์จากแม่น้ำทั้ง 3 สายกันต่อ

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ

สองข้างทางลงบันได ปกคลุมด้วยหญ้า และมอสสีเขียวชอุ่ม ดูแล้วเหมือนพืชพวกนี้คงจะมีความสุขมากๆ ที่ได้น้ำฝนอย่างชุ่มฉ่ำทั้งวัน

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ

บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่มีแม่น้ำทั้ง 3 สายไหลมารวมลงที่บ่อนี้ ผู้คนส่วนใหญ่จะขึ้นไปรองน้ำใส่กระบวยแล้วดื่มกินเพื่อเป็นสิริมงคล แต่ตัวเราไม่กล้ากิน เลยได้แต่ถ่ายรูปไว้

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ

ซากุระ และดอกไม้ต่างๆ เริ่มบานแข่งกัน

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ

แม้จะฝนจะตกหนัก แม้ว่าซากุระจะยังไม่ค่อยบาน แต่ก่อนออกจากวัด ได้เห็นแค่มุมนี้ สำหรับเรา ถือว่าสวยมากๆเลย สำหรับวันนี้

วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ

เดินออกจากวัด คราวนี้สบายละ เดินลงเนิน ไม่เหนื่อยมาก แต่เจ็บเท้าสุดๆ น้ำหนักลงตรงฝ่าเท้าส่วนบนๆ และนิ้วเท้า พื้นรองเท้าคงแข็งไปหน่อย ประกอบกับเดินมาทั้งวัน แต่ก็ยังไม่ท้อ มีอีกที่รอให้เราไปเที่ยวอีก นั่นคือ ย่านกิออน นั่นเอง

ย่านกิออน

จากวัดน้ำใส นั่งรถบัสสาย 12,46,100,201,202.203,206,207 ลงที่ป้าย Gion ป้ายเป็นสามแยกใหญ่ ให้เดินไปทิศตรงข้ามกับทางขึ้นศาลเจ้า ก็คือถนนที่มีโคมแดง รายทางอย่างที่เห็นในภาพนั่นเอง

ย่านกิออน

ย่านกิออน

เดินเลยป้ายรถเมล์มานิดหน่อย เลี้ยวซ้ายจะเจอกับ ย่านกิออน ร้านรวง บ้านเรือน สองข้างทางจะยังคงแบบดั้งเดิม ให้บรรยากาศเหมือนเดินอยู่ในหนังเรื่อง จิน หมอทะลุศตวรรษ ในฉากของโนคาเสะ ^^ แต่ละร้านจะมีโคมแดงแขวนเป็นสัญลักษณ์โดดเด่น วันนี้แอบลุ้นว่า จะเจอไมโกะเดินซิ่งผ่านมาให้เห็นบ้างหรือไม่ จากที่ได้ศึกษามาส่วนใหญ่จะบอกกันว่า มีโอกาสเห็นไมโกะหรือเกอิชาออกมาเดินย่างกรายได้ยากมาก

ย่านกิออน

ย่านกิออน

ย่านกิออน

ย่านกิออน

Gion Corner

ถนนย่านกิออน เดินมาจนสุดทาง เลี้ยวซ้ายจะเห็นทางเข้า Gion Corner กิออน คอร์เนอร์ ซึ่งเป็นที่จัดการแสดงทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นทั้ง 7 อย่าง ซึ่งน่าสนใจมากๆ เราไปหาซื้อบัตรเข้าชมกันดีกว่า

Gion Corner sakura

ต้นซากุระข้างๆ Gion Corner กำลังเริ่มบาน

Gion Corner

ตกแต่งได้สวยงามดี แต่ที่นี่ไม่ใช่ที่ซื้อบัตรนะจ๊ะ จะต้องเข้าไปที่ตึกข้างๆ ซึ่งเป็นตึกจัดการแสดง

Gion Corner

ขณะนี้เวลาประมาณ 16.50 น. เรามาถึงก่อนเวลาตั้งเนิ่นนาน แต่เพื่อให้ได้ที่นั่งที่ดีที่สุด เรายืนจึงรอซื้อบัตรเข้าชม ยืนไปคุยไปอยู่ตรงนั้นเลย มาก่อนเป็นคิวแรก ทุ่มเทเพื่อให้ได้เห็นไมโกะ หรือเกอิชาตัวเป็นๆเลยนะเนี่ย

Gion Corner

ระหว่างรอซื้อบัตร ด้วยความว่าง เราก็คุยไป เล่นไป เวลาใกล้เข้ามาแล้ว ทำท่าเตรียมพร้อมออกวิ่งไปซื้อบัตร ฝรั่งฮาแตก 555 —–

Gion Corner

ประตูเปิดเวลา 17.30 น. เป๊ะๆ ได้บัตรชมการแสดงมาแล้ว ราคาคนละ 3,150 เยน

Gion Corner

ได้ที่นั่งตรงกลาง ชิดติดขอบเวทีอย่างแท้จริง ฝรั่งข้างๆยังแซว ว่าได้ที่นั่งสุดยอดไปเลยนะ ^^ 555 ก็เล่นมารอตั้งเกือบชั่วโมงนี่นา

พิธีชงชา

พิธีชงชา

เริ่มการแสดงด้วย พิธีชงชา แบบโบราณดั้งเดิม

ศิลปะการจัดดอกไม้

ศิลปะการจัดดอกไม้

พิณโกโตะ

พิณโกโตะ

ดนตรีกางากุ

ดนตรีกางากุ

เราดูการแสดงนี้ รู้สึกได้ถึงความเป็นญี่ปุ่นบางอย่าง ในท่วงท่าที่เค้าแสดงออกมา เท่าที่จำได้คือ บางท่าดูแล้ว สงบ เยือกเย็น แต่ก็ดูเหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ (อันนี้ความรู้สึกของเราเองนะ ^^) ดูแล้วรู้สึกเหมือนได้ดูศิลปะชั้นสูงของชาติญี่ปุ่นเลยทีเดียว เราชอบมากๆ

ดนตรีกางากุ

ดนตรีกางากุ

ตลกเกียวเง็น

ตลกเกียวเง็น

ตลกเกียวเง็น เป็นตลกโบราณของญี่ปุ่น อันไหนเข้าใจก็ดูตลกดีนะ ^^

ระบำเกียวมาอิ

ระบำเกียวมาอิ

และแล้วก็ได้เจอ ไมโกะ ดังที่หวังไว้ ระบำเกียวมาอิ เป็นการร่ายรำของไมโกะ (เกอิชาฝึกหัด) โดยใช้ไมโกะแสดง 2 คน

ระบำเกียวมาอิ

ระบำเกียวมาอิ

ไมโกะคนนี้ สีหน้าเศร้าๆ ดูที่แววตา จะวิ้งๆ มีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตา แต่ก็ยังดูเศร้าสร้อย

ระบำเกียวมาอิ

ระบำเกียวมาอิ

แตกต่างจาก ไมโกะ คนนี้ ดูสวย เริ่ด เชิด แข็งแรง แววตาเข้มเข็งมากๆ

ระบำเกียวมาอิ

ระบำเกียวมาอิ

ระบำเกียวมาอิ

ระบำเกียวมาอิ

ระบำเกียวมาอิ

ระบำเกียวมาอิ

“>ระบำเกียวมาอิ

ระบำเกียวมาอิ

ระบำเกียวมาอิ

แฟชั่นต้นคอ ของไมโกะ บางคนก้จะทำเป็นรูปโค้ง บางคนก็เป็นรูปฟันปลา อยากรู้ความหมายจังว่าต่างกันยังไง พยายามเสิชหาข้อมูลแล้วก็ไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าแฟชั่นต้นคอนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร ^^

เชิดหุ่นบุรากุ

เชิดหุ่นบุรากุ

ศิลปะการเชิดหุ่นบุรากุนี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในฐานะศิลปะการแสดง ด้วยนะ

เชิดหุ่นบุรากุ

เชิดหุ่นบุรากุ

เชิดหุ่นบุรากุ

เชิดหุ่นบุรากุ

ย่านกิออน เกียวโต

การแสดงทั้งหมดจบแล้ว รู้สึกดีมากๆ เลย ขอใช้คำว่า ฟิน ไปเลยสำหรับวันนี้ เป็นการท่องเที่ยวที่ถูกใจและครบจริงๆ ได้เวลาบ๊ายบาย เกียวโตแล้ว กลับบ้านเรา Shin-Osaka ไปหาข้าวกิน ดีกว่า

ข้าวหน้าปลาดิบ

ก่อนกลับโรงแรม แวะทานข้าวหน้าปลาดิบรวมที่ สถานี Shin-Osaka

ขออนุญาตโพสรูปเท้าตัวเอง ผลจากการเดินๆๆๆ วันนี้ใช้งานเท้าหนักไปหน่อย เดินจนเท้าถลอก เจ็บเท้าสุดๆ มานั่งรอทานข้าว ทนไม่ไหว ถอดรองเท้าออกมานวดกลางร้านอาหารตรงนั้นเลย ถอดมาตกใจเหมือนกัน เกิดมาไม่เคยเท้าแดงขนาดนี้เลย (กลายเป็นผู้ดีตีนแดง ขึ้นมาทันที) นึกถึงแล้วก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่เลย 555

ส่วนนี่ ข้างขวา แดงน้อยกว่าข้างซ้าย เป็นอยู่เพียงแค่จุดเดียว ไม่เยอะเหมือนเท้าซ้าย

จบวันที่แสนประทับใจไปอีกวัน พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวเกียวโตกันต่อ วันนี้กลับไปเอาเท้าแช่น้ำอุ่นก่อนแล้วจ้าาาา

ดูบันทึกการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ตามรอยซากุระย้อนหลัง ที่นี่

เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (1) วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (2) เที่ยวโอซาก้า ปราสาทโอซาก้า Osaka Aquarium

เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (3) เที่ยวโอซาก้า วัดชิเทนโนจิ หอคอยซึเทนคะคุ ออนเซน ที่ Spa World

เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (4) เที่ยวฮิโรชิม่า เกาะมิยาจิม่า ศาลเจ้าลอยน้ำ เมืองเก่าคุราชิกิ

เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (5) เที่ยวเกียวโตด้วยตัวเอง ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ เสาโทริอิหมื่นต้น วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ ย่านกิออน

เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (6) เที่ยวเกียวโต อาราชิยาม่า ปราสาทนิโจ รถไฟสายโรแมนติก ป่าไผ่ Sagano วัดทอง Kinkakuji หอคอยเกียวโต

เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (7) เที่ยวคามาคุระ-โยโกฮาม่า

เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (8) เที่ยวฮาโกเน่ Hagone ชิมไข่ดำ Owakudani ล่องเรือโจรสลัด ทะเลสาบอาชิ Ashi Lake

เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (9) ชมภูเขาไฟฟูจิ ทะเลสาบคาวากุจิโกะ Kawagujiko Lake เจดีย์แดง Chureito Pagoda

เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (10) เที่ยวโตเกียวด้วยตัวเอง โตเกียวทาวเวอร์ โอไดบะ พระราชวังอิมพีเรียล ฮาราจุกุ

เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (11) โตเกียวดิสนีย์ซี Tokyo Disney Sea ศาลเจ้าเมอิจิ Meiji Jingu Shrine

เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (12) ฮานามิที่สวนอุเอโนะ โตเกียวดิสนีย์แลนด์ Tokyo Disney Land ฮาจิโกะ Shibuya ไก่ทอดยามะจัง

เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (13) วัดอาซากุสะ Sensoji Temple Asakusa ชมซากุระริมฝั่งแม่น้ำซูมิดะ Sumida Park

Travel by deeryarch