เที่ยวเกาหลี 9วัน 8คืน ตอนที่ 8 อุทยานแห่งชาติโซรัคซาน-วัดชินฮึงซา

เนื่องจากเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วม ก่อนหน้าที่จะท่วมก็มัวแต่เก็บของ ติดตามข่าว เตรียมตัวอพยพ อยากอัพบทความใจจะขาดแต่ก็ทำไม่ได้ พออพยพมาแล้วเน็ตก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิด อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจ 3G ไทย กว่าจะติดตั้งอินเทอร์เน็ตได้ดั่งใจ เล่นเอาซะเหนื่อยมาหลายวัน วันนี้ติดเน็ตวันแรก เลยขอฉลองด้วยการอัพตอนใหม่ซะเลย

วันนี้เราจะไปเที่ยวกันที่ อุทยานแห่งชาติโซรัคซาน และวัดชินฮึงซา ทั้งสองที่นี้อยู่ในบริเวณเดียวกัน
วันนี้ตื่นเช้าหน่อยเพื่อที่จะมาขึ้นรถเมล์สาย 7 เพื่อที่จะไปโซรัคซาน แต่ปรากฏว่าช้าไปแค่สองนาที รถเมล์ก็วิ่งนำหน้าไปซะแล้ว เราจึงตัดสินใจขึ้นแท็กซี่ไปทันที เพราะไม่อยากเสียเวลารอรถเมล์รอบต่อไป

 

ระหว่างทางนั่งรถคุยกับโชเฟอร์ไป ชมวิวไป ไม่กี่อึดใจก็มาถึงหน้าอุทยานแห่งชาติโซรัคซาน

หลังจากซื้อตั๋วเข้าชมอุทยานและฝากของเรียบร้อยแล้ว ณ ที่ทำการอุทยานเค้าจะมีแผนที่ท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆ ภายในอุทยานให้ แจกฟรีขอมาได้เลย พอได้ข้อมูลเรียบร้อยแล้วก็มุ่งหน้าท่องเที่ยวกันได้เลย

หากมาที่อุทยานโซรัคซานแห่งนี้ แทบทุกคนจะต้องมาถ่ายรูปหมีตัวนี้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอุทยาน ใครมาถึงที่นี่ไม่ได้ถ่าย ก็เหมือนว่ามาไม่ถึงอุทยานโซรัคซาน นะเออ……..

ที่หมายแรก เราจะไปยอดเขาพีชอนแด หรือที่เรียกว่า ยอดเขานางฟ้าเหิร โดยมีเคเบิ้ลคาร์เป็นพาหนะ
แต่หากใครฟิตจะเดินขึ้นก็ได้ไม่ว่ากัน ส่วนพวกเราตรองดูแล้ว ถ้าเดินขึ้นพรุ่งนี้จะถึงรึเปล่ายังไม่รู้เลย
ขึ้นกระเช้าดีกว่า

ระหว่างรอเคเบิ้ลคาร์

ทิวทัศน์ภูเขา เมื่อมองจากเคเบิ้ลคาร์ เสียดายมีสลิงติดมาด้วย

ข้างล่างที่เห็นนั้นเป็นวัดชินฮึงซา ซึ่งเป็นที่เที่ยวต่อไปของเราหลังจากลงมาจากเขาโซรัคซาน

เมื่อลงจากเคเบิ้ลคาร์มาแล้ว ยังไม่ถึงดี ต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาที ออกมาจากเคเบิ้ลคาร์ เจอคุณพ่อหน้าหล่อ เลยแอบถ่ายรูปมา อิอิ

บรรยากาศระหว่างทาง ให้อารมณ์แห้งแล้งมากๆ ดูอย่างนี้เหมือนจะร้อน แต่จริงแล้วมันหนาวมาก

ถึงแล้วบริเวณเขาพีชอนแด

แต่อย่าเพิ่งดีใจไป ณ ตรงนี้ไม่ใช่ยอดเขา หากอยากพิชิตยอดเขาให้รู้แล้วรู้รอดไป ยังต้องปีนเขาขึ้นไปตามภาพนี้ อีกนะตัวเธอว์

อดใจไม่ไหวอยากจะไปพิชิตยอดเขาให้ได้ มองจากจุดนี้จะเห็นได้ว่า ทีมเราคนปีนเขาต่อมีแต่ผู้หญิงเท่านั้น เป็นจุดขาวๆ ดำๆ อยู่ข้างบน ส่วนผู้ชาย ยืนรอเป็นชายแก่อยู่ด้านล่า

ปีนไปได้เศษสามส่วนสี่ ก็เริ่มปอดแหกแล้ว ประกอบกับมีเสียงแทรกเข้ามาว่า “กวางพี่ว่าพี่ไม่ไปแล้วว่ะ” กวางก็ตอบว่า “อืม กวางก็ว่าจะไม่ไปแล้วล่ะ”

ส่วนผู้ชายนอนอาบแดดอยู่ตีนเขา

พร้อมกับกินสตรอเบอร์รี่หวานฉ่ำอย่างสบายใจ

สตรอเบอรี่เกาหลี กล่องละ 700 วอน ซื้อมาจากร้านทุกอย่าง (ขายแมร่งทุกอย่าง) ถนนตรงข้ามวังชางด๊อกกุง

ลุงคนนี้ แกนั่งได้ฟีลดีจริงๆ

วิธีอธิษฐานของคนเกาหลีเค้าชอบเอาหินมาเรียงกันถ้าไม่ล้มแสดงว่าจะสมหวัง น่าจะประมาณนี้นะ

เวลาขณะนั้นประมาณเที่ยงกว่าแล้ว ได้เวลาลงเขา รับทานข้าวกลางวันแล้ว หิวมากๆ

ระหว่างทางแวะหาของฝากกลับเมืองไทย

ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐานด้วย

ส่วนคนนี้แวะหาของกินระหว่างทาง

ลงจากสถานีเคเบิ้ลคาร์ ก็หาข้าวกินที่ตรงนั้นเลย รสชาติก็โอเค

หลังจากพิชิตเศษสามส่วนสี่ของยอดเขาพีชอนแดแล้ว ก็มาต่อกันที่วันชินฮึงซา

พระพุทธรูปองค์ใหญ่ สวยมาก ดูจากจีวรแล้วให้ความรู้สึกละเอียดพริ้ว

ที่นี่มีการซื้อกระเบื้องทำบุญ คล้ายๆกับที่เมืองไทย  มีการเขียนชื่อและคำอธิษฐานลงที่กระเบื้อง มีคนไทยเราไปทำบุญที่นี่ด้วยนะ ^__^

หลังจากเดินผ่านพระพุทธรูปองค์ใหญ่ไปแล้ว จะเป็นทางเดินเข้าสู่ภายในตัววัดชินฮึงซา

วิวทิวทัศน์มองจากสะพานสิงโตตะกี๊ จะเห็นอีกสะพานทอดข้ามแม่น้ำไป มองด้วยตาเปล่าสวยงามมา แต่เสียดายที่ถ่ายรูปไม่ค่อยเก่ง เลยได้มาเท่านี้เอง

เดินข้ามสะพานสิงโตมาแป๊บนึง ก็จะเข้าสู่บริเวณวัด

ที่ประตูทางเข้าวัด มีเทพ 4 องค์ยืนเฝ้าอยู่ที่ประตู ข้างละ 2 องค์ ไม่แน่ใจเท่าไรว่าเป็นเทพรึเปล่า เพราะพักตร์แต่ละองค์ขึงขังมาก แต่คงจะเป็นเทพแหละ คงไม่ใช่ยักษ์ เพราะแต่ละองค์เหมือนจะมีของวิเศษและดูมีอิทธิฤทธิ์

บรรยากาศภายในบริเวณวัด เวลาประมาณ บ่าย 3 โมงเย็น

ได้เวลาอันสมควรอำลาอุทยานโซรัคซานแห่งนี้แล้ว เดี๋ยวพวกเราจะเดินทางตรงเข้าเมืองโซลต่อ โดยนั่งรถเมล์ สาย 7-1 ลงเดินอีกนิดนึงไปสถานี ซกโซ บัสเทอร์มินอล หารถเข้าโซลต่อไป

ก่อนกลับขอแอคท่า กับหมีเจ้าของถิ่น 1 ที

มารับของที่ฝากไว้ ณ ที่ทำการอุทยานฯ

เมื่อยมาก นั่งเหยียด

เนื่องจากซกโซเป็นเมืองทะเล เราเลยคิดว่าจะไปกินปลาหมึกผัดซอสแดงกันกันที่โน่น แต่เราไปถึงซกโซกันตอนสามทุ่ม ตลาดในเมืองและร้านต่างๆก็ปิดหมดแล้ว เลยอดไป

กลับมาโซลโชคดีมาก เจอร้านปลาหมึกผัดซอสแดงด้วย ปะ!! เข้าไปโดนเลยดีกว่า

บรรยากาศหน้าร้าน

นี่เป็นเหล่าเครื่องเคียง

 

อันนี้ทิชชู่

ส่วนนี่แม่ครัว นักจิ ชู่ ชู่~~~~~~

หน้าตาตอนเริ่มผัด

สุกแล้ววววววว รสชาติเหมือนแกงป่าแห้งๆ แต่ไม่เผ็ดเหมือนแกงป่าบ้านเรา

กินกับข้าวธัญพืช

เกือบจะหมดกะทะแล้ว แต่ก็ยังผัดอยู่

อิ่มมาก สภาพไร้การสื่อสารทุกคน

นี่เป็นค่าเสียหายทั้งสองวัน จากโซล-นามิ /นามิ-ซกโซ /ซกโซ-ร้านปลาหมึกผัดซอส ที่โซล
ในโพสหน้าเราจะไปต่อเที่ยวต่อกันที่ ป้อมฮวาซอง เมืองซูวอน สำหรับโพสนี้ต้องกล่าวคำว่า บ๊ายย บายยยย………..