เที่ยวเกาหลี 9วัน 8คืน ตอนที่ 9 ป้อมฮวาซอง เมืองซูวอน

วันนี้แยกมาเที่ยวกันแค่สองคน เนื่องจากอีกสองคนเค้าไปตามหาร้านแว่นแทยอน SNSD กัน อีกคนนอนอืดอยู่ที่โซล ส่วนเราสองคนวันนี้มาเที่ยวที่ป้อมปราการฮวาซอง เมืองซูวอน

เดินทางจากโซลมาด้วย subway ลงสถานี suwon พอออกจากสถานีมาแล้วจะมี Tourist Information สามารถเข้าไปสอบถาม หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ เราก็ได้เข้าไปสอบถามวิธีการเดินทางไปป้อมซูวอนนี้เหมือนกัน ทางเจ้าหน้าที่ให้โพยที่เขียนว่า Pundalmun Gate ภาษาอังกฤษ และภาษาเกาหลีมา เอาไว้ใช้ยื่นให้คนขับรถดูได้ว่าเราจะไปที่ไหน

จากนั้นเราก็ขึ้นรถเมล์สายตามที่ในโพยบอก ตอนขึ้นยื่นโพยให้คนขับดู แต่คนขับหน้าตาใจร้ายมาก กวักมือให้เดินๆ ขึ้นไปอย่างเดียว เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าถึงหรือยัง แล้วในที่สุดก็เลยจนได้

รถเมล์แล่นผ่านสิ่งปลูกสร้างลักษณะเป็นป้อมโบราณไป จนรถเมล์เลยมาสักสองสามป้ายเราเริ่มเอะใจ ไปถามคนขับเอาโพยให้ดู แต่สื่อสารกันไม่เข้าใจ เค้าจึงจอดให้เราลง เราเดินจับทิศกันก็ไม่ถูก เพราะเรายังไม่รู้เลยว่าป้อมซูวอนที่เราจะไปต้องไปลงที่จุดที่เรียกว่าอะไร ?? วันนั้นโชคร้ายมาก เอาโพยที่มีไปถามทางคนเกาหลีแถวนั้นเค้าก็ไม่ตอบ เดินฉับๆหนีไปเลย เราเลยต้องมีที่พึ่งสุดท้ายคือ โบก Mr. Taxi Taxi Taxi Soto จึกชิ จึกชิ จึกชิ~~~~ ขับมาไม่ไกลมาก Mr. Taxi ก็พาเรามาจอดที่ลานโล่งๆ มองเข้าไปเหมือนเป็นวังอะไรสักอย่าง อุ๊ย!! มองเห็นแดจังกึมด้วย รู้สึกดีขึ้นมากเลย อย่างน้อยตรงนี้ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้วชัวร์ๆ

เห็นวังแดจังกึมแล้วก็ยังไม่มีทีท่าจะเห็นอะไรที่เรียกว่าป้อมฮวาซองเลยสักนิดเดียว ก่อนหน้านี้ได้ศึกษาข้อมูลมาว่า เราสามารถนั่งรถไฟหัวมังกรเที่ยวชมป้อมได้รอบแทนการเดิน กะเหรี่ยงสองเราพยายามหาที่จอดรถไฟหัวมังกรกันก็ไม่เจอ เจอแต่รสบัสบริษัททัวร์ต่างๆ จนต้องคิดนอกกรอบเดินไปตรงลานจอดรถไปอีก จนเจอป้าย To Train สรุปคือ ต้องเดินขึ้นเนินข้างๆวังแดจังกึมขึ้นไป จะเป็นที่จอดรถไฟหัวมังกรนั่นเอง

ไม่น่าเชื่อซูวอนหิมะหนามากกก หนาวมากด้วย

การันตีความหนา

เห็นหิมะเรียบๆ แล้วอดไม่ได้ต้องไปพิสูจน์แล้วว่ามันนุ่มแค่ไหน

บางคนก็เป็นคนเชื่อคนยาก ลองนั่งไม่พอ ต้องลองกลิ้งด้วย

กลิ้งได้น่าอนาถมาก อยู่ดีไม่ว่าดี ต้องมาปัดหิมะกันอีก

เดินขึ้นเนินนี้ไป เพื่อไปนั่งรถไฟหัวมังกร

เดินขึ้นมาตามทางเพื่อจะมาขึ้นรถไฟหัวมังกรชมป้อม เนื่องจากป้อมกว้างมาก ถ้าเดินคงใช้เวลาทั้งวัน ขึ้นมาแล้วบรรยากาศโดยรวมสวยดี

หน้าตารถไฟหัวมังกรที่จะพาชมรอบป้อม

หิมะเยอะมาก

เริ่มออกตัวแล้ว

ระหว่างทางที่รถแล่นไปจะมีไกด์คอยอธิบายเป็นภาษาอังกฤษให้ แต่ที่น่าแปลกใจกว่าคือ คนที่เดินอยู่ข้างทาง ส่วนใหญ่เห็นรถไฟหัวมังกรแล่นมามักจะโบกมือทักทายให้ด้วย

ป้อมปราการนี้ล้อมตัวเมืองซูวอนไว้เกือบทั้งหมด ระหว่างที่รถแล่นก็จะผ่านตัวเมืองด้วย คิดถูกแล้วที่นั่งรถไฟหัวมังกรชมป้อม

รถไฟแล่นมาถึงจุดสุดท้าย จุดสิ้นสุดทางรถแล่น ซึ่งเป็นจุดที่ใช้ฝึกซ้อมยิงธนูโบราณของเกาหลี

อาจุมม่าคนนี้ยิงไกลมาก เท่าที่สังเกต ยิงแล้วต้องเดินไปเก็บลูกธนูที่ยิงไปเองด้วย ระยะทางเป็นกิโลเลย

จากนั้นก็ออกเดินทางตามหาสระน้ำสุดสวย ได้ดูจากภาพวอลเปเปอร์ที่นึง สระที่นี่สวยดี แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเหลืออะไรให้ดูบ้าง

ระหว่างทางมีป้ายบอกว่าเป็น secret gate ไหนลองลงไปดูหน่อยซิ

ประตูลงมาข้างล่างนี่เอง แหม!!!ลับสุดยอด

พอเดินออกไปที่ประตูลับ จะพบภาพแบบนี้ บรรยากาศดีจัง สวยมากๆ

หน้าตาของประตูลับ แบบชัดๆ

เดินตามกำแพงป้อมไป จะเห็นผู้สูงอายุหลายคนจะมาวิ่งออกกำลังกายกัน วิ่งรอบป้อม ขึ้นเขาลงห้วยกันเนี่ยนะ แน่จริงๆ

มาถึงจุดชมสระน้ำ และชมวิวแล้ว

ติดป้ายไว้ตรงบันไดว่า ถอดรองเท้าด้วย โอ้ววว หนาวจะแย่ แต่อยากขึ้นไปถอดสักนิดก็ไม่เป็นไร

มองลงมาบริเวณข้างๆสระน้ำ

จากบนนี้แม้จะไม่สูงมาก ก็สามารถชมวิวของเมืองซูวอนได้

สระน้ำตอนนี้ ไม่มีพรรณไม้ไว้สร้างสีสันเท่าไร แต่สวยไปอีกแบบ เสียดายถ่ายรูปไม่เก่ง เลยไม่สวยเหมือนตาเห็น

ตอนนี้กำลังเดินลงจากศาลามาที่สระน้ำ

หิมะเพียบ เรียบเนียน น่าขีดเขียน น่าฝากรอยเท้า

ลงมาแล้วววว ได้บรรยากาศจริงๆ สวยจัง มีเป็ดร้องก๊าบๆว่าย วนๆ เป็นวงแคบๆ เนื่องจากน้ำเป็นน้ำแข็งหมด น่าลงไปวิ่งเล่นซะจริง

เวลาเดินไปอย่างรวดเร็วก็ใกล้เวลาฟ้าจะมืดแล้ว ช่วงฤดูหนาวฟ้ามืดเร็ว คงได้เวลาบอกลาความประทับใจแล้ว

บ๊ายบาย ป้อมฮวาซอง บ๊ายบายย ซูวอน

เมื่อเรากลับถึงโซลแล้ว เราก็ไปซ่อมตลาดนัมแดมุนกัน แต่ส่วนใหญ่ที่ไปจะใกล้ปิดหมดแล้วเนื่องจากเป็นเวลาประมาณเกือบ1ทุ่ม เราจึงเข้าไปเดินห้าง Mesa ในย่านนัมแดมุนกัน ห้าง Mesa นี้จะคล้ายแพลตตินั่มของไทย แต่เท่าที่ดูแล้วสินค้าไม่ค่อยถูกใจวัยรุ่นอย่างเราเท่าไร และที่สำคัญส่วนใหญ่ก็ปิดร้านกันไปซะเยอะแล้ว เราเดินชั้นแรกกันจนทั่วจึงขึ้นไปชั้นสอง ก็เหมือนๆชั้นแรก จึงขึ้นไปชั้นสาม ก่อนขึ้นมีป้ายภาษาเกาหลีตั้งไว้ที่ข้างๆทางก่อนขึ้นบันไดเลื่อน อันตัวเราอ่านไม่ออกอยู่แล้ว มองไปก็เหมือนป้ายบอก Event ธรรมดา เพราะไม่มีตัวแดง หรือเครื่องหมายตกใจที่เป็นสากล และที่สำคัญไม่มีภาษาอังกฤษบอกด้วย เราจึงเดินขึ้นบันไดเลื่อนไป จึงเจอแจ๊คพ๊อต!! ขึ้นไปแล้วเจอประตูม้วนแบบปิดตาย หันมาที่บันไดเลื่อน มีแต่เลื่อนขึ้น ไม่มีเลื่อนลง SaaaDDDD มันปิดตาย แล้วจะเปิดบันไดเลื่อนทำขี้เกลืออะไรวะเนี่ย! ตอนนั้นในใจเราไม่มีสติแล้วกะจะเดินสวนทางกับบันไดเลื่อนอย่างเดียว แต่ดีที่พี่ตั๊กมีสติไปกดปุ่ม Stop!!! โอ้ววพระเจ้า บันไดเลื่อนหยุดแล้ว เวลาคนเราตกใจทำอะไรไม่ถูก ที่สำคัญต้องเรียกคืนสติมาให้ได้ก่อน จึงจะเกิดปัญญาว่าควรแก้ไขอย่างไรต่อไป นี่ถ้าไม่มีพี่ตั๊ก เราคงวิ่งสวนกับบันไดเลื่อนโชว์โง่ไปแล้ว 555

ผิดหวังกับนัมแดมุนไปเพราะมาเดินมืดเกิน เราจึงลงไปที่ Subway สถานีนัมแดมุน ไปเที่ยวห้าง Shinsegae กันต่อ ห้างนี้ให้อารมณ์เหมือนพารากอนที่ไทย เราจึงพากันไปช๊อป ชิม ซื้อของฝากกลับมาที่ไทย ที่นี่พนักงานเซอร์วิสดีมาก เป็นกันเอง น่ารัก ชั้นวางของทุกซอกซอยมีพนักงานประจำอยู่หมดทุกที่คอยให้ข้อมูลและอำนวยความสะดวก คล้ายๆโฮมโปรบ้านเรา ขนาดเราไปซื้อกิมจิแบบซองกลับไทย พนักงานยังให้ข้อมูลได้ดีแถมยังบอกได้ด้วยว่ายี่ห้อไหน รสยังไง อันไหนอร่อยถูกปากเรามากกว่า ซื้อโกชูจัง (พริกแดงเกาหลี) ก็ยังให้ข้อมูลได้ แถมแผนกของกินก็มีตัวอย่างให้ชิมด้วย เฮ้ออออ สวรรค์……รู้งี้น่ามาเดินตั้งนานละ 555 ช๊อปมาแต่ของกินทั้งนั้น ยังไม่พอเรายังไปซื้อสตรอเบอรี่แสนอร่อยร้านทุกอย่างกลับมากินที่ไทยอีกด้วย

ในวันพรุ่งนี้จะมีเวลาอยู่ที่เกาหลีอีกครึ่งวันก่อนกลับเมืองไทย เราจะไปซ่อมสถานที่เที่ยวในโซล ที่ไปแล้วยังเที่ยวไม่หมด หรือที่ไปแล้วยังเที่ยวไม่สะใจกัน