เที่ยวจีนเส้นทางสายอวตาร (2) อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย (Zhangjiajie National Forest Park)

อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย ( Zhangjiajie National Forest Park) เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของสาธารณรัฐประชาชนจีนและได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติในปี ค.ศ.1992 อีกด้วย

แผนที่เส้นทางท่องเที่ยว

ภาพจาก www.chinadiscovery.com

เรามีเวลาในการท่องเที่ยวที่ Zhangjiajie นี้เพียงเกือบๆ 1 วัน โดยทางทัวร์จัดโปรแกรมให้เรามาเดินชมในเส้นทาง Yuanjiajie Scenic Area ซึ่งเป็นเส้นทางยอดฮิตของนักท่องเที่ยวหลายๆคน ที่ต้องการมาดูโลเคชั่นเมืองแพนดอรา ในเรื่อง Avatar ภาพยนตร์ชื่อดังระดับฮอลลิวูดนั่นเอง

จากทางเข้าอุทยานแห่งชาติ ซื้อตั๋วเข้าชมเรียบร้อยแล้ว ต้องไปต่อคิวรอขึ้น Shuttle Bus ของทางอุทยาน เพื่อไปขึ้นลิฟท์แก้วไป่หลง

เนื่องจากอุทยานแห่งชาติ ต้องการรักษาสภาพแวดล้อมให้มากที่สุด จึงไม่อนุญาตให้นำยานพาหนะส่วนตัวเข้าไป นักท่องเที่ยวทุกคนต้องใช้บริการ Shuttle Bus ของทางอุทยานในการเดินทางไปจุดต่างๆ

จุดรับ-ส่ง Shuttle Bus ของทางอุทยาน Surround ไปด้วยทัศนียภาพแท่งเสาหินที่สวยแปลกตา

มีหมอกจางๆ มาประดับยอดเขา ได้อารมณ์ความชุ่มชื่นของผืนป่า

ลิฟท์แก้วไป่หลง (Bailong Elevator) ลิฟท์แก้วใสที่สร้างเลียบริมหน้าผา ออกแบบมาเพื่อให้ผู้โดยสารสามารถชมวิวจากในลิฟท์ได้ ถ้าจะคิดในแง่ดีมันก็คงอเมซซิ่งมาก แต่ถึงหน้างานจริงๆ คนแน่นลิฟท์สุดๆ ยิ่งถ้าตัวเตี้ยด้วยแล้วหมดสิทธิ์ชมวิวไปเลยจ้า

และนี่คือวิวแรกที่เราได้เห็นหลังจากออกมาจากลิฟท์แก้ว

ทัศนียภาพของจางเจียเจี้ย เต็มไปด้วยภูเขาแท่งหินทรายที่สูงเสียดฟ้ากว่า 3,000 ยอด

ภายในเขตอุทยานจางเจียเจี้ยมีจุดท่องเที่ยวที่สำคัญกระจายอยู่ทั่วทั้งอุทยาน จึงมีทางเข้าและวิธีการเดินทางท่องเที่ยวภายในที่หลากหลาย ทางอุทยานมีการเตรียมไว้อย่างดีเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ทั้งรถ Shuttle Bus กระเช้า ลิฟท์แก้ว

ภาพจาก www.chinadiscovery.com

หลายๆคนก็คงจะทราบว่า อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของฉากสำคัญในภาพยนตร์เรื่อง อวตาร (Avatar) ของผู้กำกับชื่อดัง เจมส์ คาเมรอน นั่นคือฉาก เมืองภูเขาลอยฟ้าแห่งดาวแพนดอร่า

เดินชมวิวยอดเขาหินทรายที่ตั้งตระหง่านเรียงรายนับไม่ถ้วน

สะพานหนึ่งในใต้หล้า หรือ สะพานเทียนเสี้ยตี้อี้เฉียว ( Tian xia di yi qiao ) เป็นสะพานหินที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเชื่อมระหว่างภูเขา 2 ลูก แต่ดูจากคนแล้วเราคงไม่ได้ไปข้ามสะพานหนึ่งในใต้หล้า จึงทำได้เพียงถ่ายรูปเก็บไว้

กว่าจะได้มาแต่ละภาพขอบอกว่า ยากมากๆ ยิ่งคนตัวเตี้ยๆ อย่างเรานี่ยากเข้าไปอีก เมืองจีนนี่เค้าคนเยอะจริงจัง และด้วยสภาพสังคมที่ไม่เหมือนกับเรา เค้าค่อนข้างต้องเอาตัวรอดตลอด จึงเป็นธรรมดาหากจะไปเที่ยวแล้วจะเจอคนเบียดเสียด โดนกระแทก บางครั้งเราก็เห็นคุณป้าจีนหลายๆ คน ยืนรอจนทนไม่ไหว อยู่ดีๆลงไปนั่ง หรือเอาตัวมาพิงเพื่อนเราซึ่งไม่ได้รู้จักกันด้วย คือแบบกว่าจะได้ไปเที่ยว ต้องใช้ความอดทนและใช้แรงมากมาย สำคัญที่สุดคือเราต้องห้ามล้ม ห้ามหลงกับพวกของเราเป็นอันขาด ^_^

หลังจากเดินถึงสะพานหนึ่งในใต้หน้า กลับมาลงลิฟท์แก้วเพื่อจะไปเที่ยวกันต่อที่ ลำธารแส้ม้าทอง

ลำธารแส้ม้าทอง หรือ ลำธารจินเปียนซี (Jinbianxi) ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของอุทยานจางเจียเจี้ย หลังจากเหน็ดเหนื่อย แออัดจากการเดินเที่ยวจากข้างบน แวะมาเดินสบายๆ รับลมเย็นๆ กันที่ลำธารสักพัก

ลำธารจินเปียนซี (Jinbianxi) นี้เป็นลำธารที่ไหลวนไปตามช่องเขา และชะง่อนผาสูงชันเข้าไปกลางภูเขา โดยลำธารจินเปียนซีนี้จะไหลไปบรรจบรวมกับแม่น้ำหลีของมณฑลหูหนาน

จากลำธารแส้ม้าทอง เดินไปรอขึ้น Shuttle Bus เพื่อจะไปนั่งรถรางไปจุดชมวิวภาพเขียนสิบลี้ ระหว่างทางได้เห็นวิวสะพาน Lianxin Bridge ซึ่งเราไม่ได้เดินไปเนื่องจากคนเยอะและแน่นมากๆ

นั่งรถ Shuttle Bus มาประมาณ 10นาที ก็ถึงจุดขึ้นรถรางชมวิวภาพเขียน 10 ลี้

ระหว่างทางชมวิว จะมีทางเดินคู่ขนานไปกับทางรถรางด้วย ซึ่งถ้าใครมีเวลาพอก็สามารถเดินชมเองได้ จะได้แวะถ่ายรูปได้เต็มที่ เนื่องจากระยะทางไม่ไกลมากแค่ 3km แต่เรามาถึงค่อนข้างจะเย็นมากแล้ว จึงต้องทำเวลาด้วยการนั่งรถราง

ภาพเขียนสิบลี้ (Shili Hualang) เกิดจากแนวช่องแคบของทิวเขาเทียนจื่อซาน ประกอบด้วยยอดเขารูปร่างแปลกๆกว่า 200 ยอดและมีลำธารเล็กๆ ไหลผ่านตามแนวทิวเขา

ยอดเขาสามยอดทางด้านขวา มีชื่อเรียกว่า Three Sisters หรือเขาสามดรุณี

ยอดเขาทางด้านขวามือเรามองแล้วเหมือนหัวสิงโต บางคนก็บอกว่าเป็นหัวหมา แล้วแต่คนจินตนาการกันไป

นี่ถือเป็นวันแรกที่ได้มาเห็นและสัมผัสธรรมชาติที่แสนยิ่งใหญ่ของประเทศจีน มันดีและแกรนด์สมชื่อสถานที่ท่องเที่ยวระดับ AAAAA มากๆ หากมีโอกาสก็อยากจะมาเที่ยวอีกหลายจุดที่เหลือเหมือนกันนะ จุดที่เราได้ไปยังเพียงแค่เล็กน้อย หากจะเที่ยวจางเจียเจี้ยให้ครบถ้วนสุดๆ คงต้องให้เวลากับที่นี่อย่างน้อย 3 วันเชียวล่ะ…

สำหรับวันนี้ก็ได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก ได้เห็นธรรมชาติที่เป็นป่าไม้ และธรรมชาติของคนจีน จนตอนนี้เริ่มเข้าใจเค้าจริงๆ ไม่ Culture Shock แล้ว สองวันแรกอาจมีบ้าง วันแรกๆ ยังช็อคกับการที่ต้องมาแย่งชิง การมาอยู่กับคนหมู่มากในประเทศจีนเป็นเวลานานๆ แต่วันที่สามก็เริ่มมีเข้าใจ… ขำ… เห็นใจ… และไม่โกรธเลย แถมยังปรับตัวตามเค้าได้แล้วด้วยนะ ^_^ 555

ติดตามบันทึกการท่องเที่ยวจีนตอนอื่นๆ ที่นี่

เที่ยวจีนเส้นทางสายอวตาร (1) – เมืองโบราณเฟิ่งหวง Fenghuang Ancient Town
เที่ยวจีนเส้นทางสายอวตาร (2) อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย (Zhangjiajie National Forest Park)
เที่ยวจีนเส้นทางสายอวตาร (3) – ประตูสวรรค์ เทียนเหมินซาน Tianmen Mountain
เที่ยวจีนเส้นทางสายอวตาร (4) ชมการแสดง Tianmen Fox Fairy Show กับความรักของชาวนาและหมาป่าสาว
เที่ยวจีนเส้นทางสายอวตาร (5) ล่องเรือชมความงามถ้ำวังมังกรเหลือง (Yellow Dragon Cave)
เที่ยวจีนเส้นทางสายอวตาร (6) เกาะส้ม Juzizhou Park ถนนคนเดิน Huangxing Walking Street

เที่ยวจีนเส้นทางสายอวตาร by Deeryarch.me