กระบี่ 7 วันที่ฝันไป ตอนที่6 เกาะลันตาใหญ่ กินปูดำ เข้าถ้ำเขาไม้แก้ว

แวะอ่านตอนที่ 5 ที่นี่จ้า >> กระบี่ 7 วันที่ฝันไป ตอนที่5 คายัคท่าเลน แหลมจมูกควาย

เนื่องจากเมื่อคืนเข้าเช็คอินที่พักดึกไปหน่อย เช็คอินเสร็จก็แยกย้ายกันพักผ่อนเลย ไม่ได้ดูบรรยากาศของที่พักเท่าไร เช้านี้เราจึงทำการสำรวจบรรยากาศที่พัก คอกวางบีช รีสอร์ท กัน

ที่พักอยู่ตรงแหลมคอกวาง พอดิบ พอดี

หน้าตาของที่พัก ที่เข้าพักเมื่อคืน โดยรวมถือว่าดีนะ ไม่เก่า ไม่ใหม่ ความสะอาดดีอยู่ ไม่มีอาหารเช้าให้ แต่มีร้านอาหารคอยบริการอยู่ภายในรีสอร์ท ส่วนเรื่องราคาที่พักนั้น ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ถูกดีจ้ะ

บริเวณชาดหาดของรีสอร์ท

สิบโมงเช้า เราเช็คเอาท์ออกจากคอกวางบีช และเข้าสู่ปฏิบัติการ วันเดียวเที่ยวทุกหาดกัน (จะว่าไปก็ไม่ถึงกับหนึ่งวันหรอก แค่ไม่เกินสองชั่วโมงก็เที่ยวได้หลายหาดแล้ว) เริ่มจาก หาดคลองดาว และหาดยาว

จากหาดยาวแล้ว มาต่อที่หาดพระแอะ

บรรยากาศที่หาดพระแอะ เป็นสวนสาธารณะ เต็มไปด้วยทิวสนร่มรื่น แต่เหมือนไม่ค่อยมีคนมาดูแลเท่าไร เพราะมีเศษขยะ และซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างอยู่บ้าง มีร้านค้าเล็กๆมาตั้งคอยให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่นิดหน่อย

ทิวทัศน์ชายหาด เมื่อมองออกมาจากหาดพระแอะ เกาะลันตาช่วงนี้คลื่นลมแรง ได้ยินเสียงคลื่นซัดฝั่งดังโครมๆตลอดเวลา

หลังจากเที่ยวชมบรรยากาศชายหาดเกาะลันตาใหญ่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้เวลาเที่ยงกว่าๆ เราตั้งใจจะไปทานปูดำ (King Crab) เป็นอาหารกลางวันกัน

จากที่ศึกษาข้อมูลมา ร้านที่เราจะไปกินปูดำน้ันอยู่ภายในศูนย์อนุรักษ์ฯ เราก็ตามป้ายศูนย์อนุรักษ์มาเรื่อยๆ พอถึงทางเข้าศูนย์อนุรักษ์ ต้องจอดรถและเดินเท้าเข้าไป

บรรยากาศสองข้างทางเป็นป่าโกงกาง

ระหว่างทางเดินไปร้านปูดำ เป็นเส้นทางศึกษาและชมระบบนิเวศน์ป่าชายเลน

ปลาตีน ตัวเป็นๆ จ้ะ…….

ปูตัวเล็กๆ สีสวยๆ บ้างก็วิ่งไล่กัน บ้างก็งัดข้อกัน ให้ขวักไขว่ไปหมด

ตัวนี้สีสวยถูกใจ สีฟ้า-ส้มสดใส ชอบมากๆ

เดินชมป่าชายเลนไปเรื่อยๆ

เพลิดเพลินกับธรรมชาติสองฝั่งข้างทาง

ถึงแล้ว ร้านอาหารไม่มีชื่อ(ถามจากเจ้าของร้านเค้าบอกว่าไม่มีชื่อ) แต่มีกระชังปลา เลยเรียกว่าร้านปูดำกระชังปลา แต่เห็นที่ป้ายติดว่า ครัวลอยน้ำนะ เอาเถอะชื่อไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สำคัญที่วันนี้เราต้องได้กิน ปู ดำๆๆๆๆๆ

ทางเข้าร้าน

บรรยากาศภายในร้าน

พี่ผู้ชายกำลังจับปูดำขึ้นมาทำให้เราทาน

หน้าตาปูดำ ดูแข็งแรง กล้ามโต ดูเซ็กซี่มั่กๆ

กุ้งที่สั่งไว้

ระหว่างรอพี่เค้าทำอาหารให้ทาน เราก็หากิจกรรมในกระชังปลาพี่เค้าทำไปก่อน ช่วยพี่เค้าเลี้ยงลูกบ้าง เดินดูปลาในกระชังบ้าง มาที่กระชังนี้น่าสนุก ปลาเสือฉีดน้ำได้

พ่นน้ำปิ๊ดๆ เหยื่อไม่ตกลงมาสักที ก็เลยกระโดดขึ้นมาเลย

แถมด้วยงับมืออีก

กิจกรรมก่อนกินข้าว ทำหน้าทำตา ได้โปรเฟสชั่นนอลมาก 555 😀

อาหารเริ่มมาเสิร์ฟแล้ว จานแรก ปลาหมึกย่างสุดหอมหวาน

กุ้งย่างรสเค็มๆ อร่อยดี

มันในหัวกุ้ง

กุ้งชุบแป้งทอด

ปูดำ พระเอกของงานนี้

น้ำจิ้มรสเด็ด อันนี้เป็นเวอร์ชั่นไม่เผ็ด เวอร์ชั่นเผ็ดจะใส่พริกอย่างโหดร้ายกว่านี้

อิ่มแล้ว มุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไป ถ้ำเขาไม้แก้ว เราออกจากร้านกระชังปลามาเวลาประมาณบ่ายสามโมงเย็น

ขับรถออกจากศูนย์อนุรักษ์ฯ มุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไป วิวสองข้างทางสวยดีจริงๆ

ระหว่างทางไปเขาถ้ำไม้แก้ว เจอช้างลากซุง

เส้นทางเข้าไปเที่ยวเขาถ้ำไม้แก้ว สองข้างทางเป็นป่าสวนยาง

เข้าไปสักพัก จึงเจอป้ายบอกทาง

ถึงแล้วววว เขาถ้ำไม้แก้ว ทุกคนพรั่งพร้อม สังเกตได้จากท่าออกเดินป่าอย่างที่เห็น

เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ส่วน Information ไม่ได้อะไรมากมาย เป็นบ้านคนธรรมดา ชาวบ้านแถวนั้นคือเจ้าหน้าที่ และเป็นไกด์ท้องถิ่นให้

ออกเดินตะลุยป่าบ้างแล้ว หลังจากเที่ยวแต่ทะเลมาหลายวัน

ขึ้นเขา

ขึ้นเขาอีกแล้ว

ปีนเขาขึ้นมาแล้ว ยังต้องเดินเท้าต่อไปอีกหลายร้อยเมตร

สักพักก็มาถึง จุดแวะพัก หน้าที่ทำการอุทยานด้านบนเขา

หน้าตาแต่ละคน เหนื่อยมาก กล้ำกลืนฝืนยิ้ม

แวะพักสักครู่ก็เริ่มเดินทางกันต่อ

เข้าใกล้ปากถ้ำแล้ว

เข้าไปภายในถ้ำ การเดินข้างในค่อนข้างผจญภัย และมืดมาก มีแค่แสงจากไฟฉายที่หัวของเราเท่านั้น จึงไม่สามารถถ่ายภาพมาได้เท่าไร แต่ถ่ายวิดีโอมาได้บ้าง ทางเดินภายในถ้ำค่อนข้างลำบาก มีทั้งไต่บันไดขึ้นลง ข้ามสะพานไม้ไผ่ เดินเข้าซอกหิน แม้กระทั่งมุดโพรงถ้ำก็มี ช่วงใกล้ออกจากถ้ำต้องนอนแล้วค่อยๆถัดตัวไปเรื่อยๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเรามาเรียนวิชาทหาร หรือมาเข้าค่ายเลย ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยต่างๆ มีลำธาร และมีค้างคาวให้ชมด้วย

ออกจากถ้ำไม้แก้ว มุ่งตรงสู่ท่าเรือเกาะลันตา เพื่อจะขึ้นฝั่งเข้าตัวเมืองกระบี่ ออกจากถ้ำมายังไงก็ไปอย่างนั้นเลย ไม่มีเวลาเปลี่ยนชุด เพราะกลัวจะไปไม่ทันเรือข้ามฟาก

ข้ามเรือมาแล้ว ขับรถเข้าตัวเมืองกระบี่ ทางมืดมาก ไม่ค่อยชินทางเลยต้องชะลอให้เจ้าถิ่นช่วยนำทางให้ โชคดีเจอเจ้าถิ่นน่ารัก คอยกระพริบไฟเลี้ยวบอกทางด้วยใจดีมากๆ สมกับคำขวัญที่ว่า “กระบี่น่าอยู่ ผู้คนน่ารัก” จริงๆ